ฟ้อนมะคำป่ากุสุมาสะดืออีสาน
อาจารย์อนุชิต สีโมรส สาขาวิชานาฏศิลป์และการละคร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
ประเภทของผลงาน ด้านศิลปะและวัฒนธรรม สืบสานความเป็นไทย
ความริเริ่มในการสร้างสรรค์ผลงาน / แรงบันดาลใจในการสร้างผลงาน
เพื่อสร้างสื่อประชาสัมพันธ์จากอัตลักษ์ประจำอำเภอโกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม คือ ดอกมะคำป่า ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น อัตลักษณ์ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหรือกลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะตัวหรือจุดเด่นของบุคคล องค์กรและสถานที่ เพื่อให้เป็นที่รู้จักและดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย โดยในยุคปัจจุบันที่มีการใช้กลยุทธ์ต่างๆ แข่งขันกัน
การประชาสัมพันธ์จะช่วยให้บุคคล องค์กร และสถานที่ สามารถสื่อสารอัตลักษณ์ของตนให้เป็นที่รู้จักแก่กลุ่มเป้าหมายในจำนวนที่มากขึ้น ในระยะเวลาอันรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายจะมีพฤติกรรมการเปิดรับและดารตอบสนองต่อการสื่อสารอัตลักษณ์ในรูปแบบที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของสื่อที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ ได้แก่ สื่อบุคคล สื่อเฉพาะกิจ สื่อมวลชน สื่ออินเตอร์เน็ต และสื่ออื่นๆ ดังนั้น บุคคล องค์กร และสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการใช้สื่อในการประชาสัมพันธ์แต่ละครั้ง
จากที่กล่าวมาเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของสถานที่ท้องถิ่นเพื่อนำมาประชาสัมพันธ์นำมาสู่การตีความหมายสำหรับการออกแบบสร้างสรรค์ชุดการแสดงในพิธีการต่างๆ ก็จะช่วยสร้างคุณค่าเชิงการคิดสร้างสรรค์ให้กับผลงานที่นำมาประชาสัมพันธ์ให้มีคุณค่าและประสิทธิภาพของชุดการแสดงนั้นๆ
การฟ้อนของภาคอีสาน เป็นศิลปะที่เกิดจากการเลียนแบบ ท่าทางการทำมาหากิน การทำงาน
ในชีวิตประจำวันของชาวอีสาน ซึ่งลักษณะการฟ้อนรำมีความเรียบง่าย กระฉับกระเฉง ไม่ค่อยมีความอ่อนช้อย แต่มีท่าทางและลีลางดงาม การฟ้อนรำของชาวอีสานมีมากมายหลายอย่างซึ่งแตกต่างกันออกไปตามสภาพท้องถิ่น และความเป็นอยู่ของกลุ่มชน เช่น ฟ้อนเซิ้ง ฟ้อนภูไทย กระโน้บติงตอง เรือมอันเร (จารุวรรณ ธรรมวัตร. 2530 : 109-128)
ทักษะความคิดสร้างสรรค์จึงหมายถึงผลงานที่ใช้ทักษะการคิดค้นใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำแบบใคร โดยสร้างขึ้นด้วยอารมณ์ความรู้สึกทางศิลปะ และการเคลื่อนไหวอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย อย่างประณีต อ่อนช้อยจนเกิดความงดงามวิจิตรบรรจงซึ่งต้องสร้างสรรค์ให้สมบูรณ์และเหมาะสมตามองค์ประกอบของนาฏศิลป์ เพื่อให้การแสดงนาฏศิลป์มีคุณค่าและสามารถสร้างความบันเทิง ความเพลิดเพลินใจให้กับผู้ชมได้ (โกวิท ประวาลพฤกษ์ และคณะ. 2545) การแสดงที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ จะคำนึงถึงความเหมาะสมในการนำไปใช้ ส่วนมากได้แนวมาจากสภาพความเป็นอยู่ของคนพื้นบ้าน การทำมาหากิน อุตสาหกรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีในแต่ละท้องถิ่น ที่แสดงออกเพื่อเป็นเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่นของตน ซึ่งอาจเรียกการฟ้อนรำแบบที่ปรับปรุงขึ้นว่า “การฟ้อนพื้นบ้าน ” (อมรา กล่ำเจริญ. 2526 : 48)
แนวความคิดในการสร้างสรรค์ผลงาน ได้มาจากการตระหนักถึงคุณค่าประวัติความเป็นมาอำเภอโกสุมพิสัยตั้งอยู่ในจังหวัดมหาสารคามที่มีวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี อันเกิดจากการมีประวัติศาสตร์ความเป็นมา ที่ส่งผลทำให้มีการสร้างวัฒนธรรมที่ยาวนาน ตามบันทึกพงศาวดารหัวเมืองอีสานส่วนที่เกี่ยวข้องกับโกสุมพิสัย ในปีมะเส็ง พ.ศ. 2425 จุลศักราช 1243 รัตนโกสินทร์ศก 100 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองส่วนท้องถิ่น พระเจริญราชเดช เจ้าเมืองมหาสารคาม ในขณะนั้น เห็นว่าควรขอตั้งบ้านดงวังท่าหอขวาง ขึ้นเป็น “เมืองโกสุมพิสัย” ในการขอตั้งเมืองโกสุมพิสัยนี้ ตามพงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสานกล่าวไว้ว่าพระเจริญราชเดชเจ้าเมืองมหาสารคามได้แต่งตั้งให้ท้าวสุริยวงษานำใบบอกพร้อมเครื่องราชบรรณาการลงไปทูลละอองธุลีพระบาท รัชการที่ 5 ซึ่งเครื่องบรรณาการ ใช้เงินทำเป็นรูปดอกมะคำป่า เพราะถิ่นนี้มีแต่ดอกมะคำป่าจำนวนมาก จึงพระราชทานนามว่า “โกสุมพิสัย” ซึ่งแปลว่า แดน หรือ ที่อยู่แห่งต้นมะคำป่า (สภาวัฒนธรรมอำเภอโกสุม. 2548 : 11-14 )
สภาวัฒนธรรมตำบลหัวขวาง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ได้ศึกษาและตรวจสอบชนิดพันธุ์ต้นมะคำป่าของอำเภอโกสุมพิสัย ซึ่งเป็นพืชที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การตั้งชื่ออำเภอโกสุมพิสัย แต่ยังขาดข้อมูลยืนยันว่าเป็นพืชชนิดใด มีลักษณะอย่างไร เคยมีอยู่หรือพบได้ที่ใดบ้างนั้น การนี้ อพ.สธ. ได้มอบหมายให้นักพฤษศาสตร์ อพ.สธ. ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว โดยการสืบค้นข้อมูลเรื่องชื่อและบริเวณที่พบ จากเอกสาร เว็บไซด์ และจากการที่ได้พูดคุยกับอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม ที่เคยศึกษาพืชชนิดหนึ่งที่พบปริมานน้อยมากในจังหวัดมหาสารคามสามารถนำผลไปจุดไฟให้ติดได้ เมื่อพิจารณาข้อมูลต่างๆ ที่ได้รวบรวมมา สันนิษฐานเบื้องต้นว่าน่าจะหมายถึงต้นทอง (ชื่อที่เรียกในพื้นที่) โดยมีรายงานว่าพบต้นอยู่ในพื้นที่วนอุทยานโกสัมพี ตำบลหัวขวาง อำเภอโกสุมพิสัย ประกอบกับชื่อพื้นเมืองที่เรียกพืชชนิดนี้โดยทั่วไป คือ ประคำไก่ มะคำไก่ มะคำดีไก่ มักค้อ มะองนก ซึ่งมีชื่อที่พ้องกันกับชื่อ มะคำป่า
จากที่กล่าวมา ประกอบกับผู้สร้างสรรค์เป็นคนในพื้นที่อำเภอโกสุมพิสัยโดยกำเนิด ซึ่งได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของอำเภอโกสุมพิสัย ที่แสดงถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่เป็นสื่อตัวแทนของอำเภอโกสุมพิสัย นั้นก็คือ มะคำป่า ดอกไม้ประจำอำเภอโกสุมพิสัย ที่หมายถึงดินแดนแห่งดอกมะคำป่า อีกทั้งบริเวณที่ตั้งของอำเภอโกสุมพิสัย ปัจจุบันยังได้ชื่อว่าศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไป คือ สะดืออีสาน จึงทำให้เกิดความสนใจและเลือกศึกษา โดยศึกษาแนวความคิดสร้างสรรค์ชุดการฟ้อนของภาคอีสาน ซึ่งได้มีการประดิษฐ์ลีลาท่ารำ ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง โดยนำความรู้และทักษะพื้นฐานทางนาฏศิลป์มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมและมีความหลากหลาย แปลกใหม่ อันเป็นการแสดงถึงลักษณะความสวยงามของดอกมะคำป่า สื่ออัตลักษณ์ท้องถิ่น ประจำอำเภอโกสุมพิสัย เพื่อผลการศึกษาที่ได้จะได้นำไปเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานที่สนใจนำไปอนุรักษ์เผยแพร่ความรู้และส่งเสริมในการฟ้อนชุดฟ้อนออนซอนมะคำป่ากุสุมาสะดืออีสาน เป็นการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวอำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นที่รู้จักแก่บุคคลทั่วไปและผู้สนใจศึกษาได้รับทราบและใช้ประโยชน์ในโอกาสต่อไป
วิธีดำเนินการ/ขั้นตอนการดำเนินงาน
ในการดำเนินการสร้างการแสดง ชุด ฟ้อนออนซอนมะคำป่ากุสุมาสะดืออีสาน ได้ศึกษาผลงานด้านการแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้านที่แตกต่างและไม่มีมาก่อน เพื่อให้ผลงานมีประสิทธิภาพและคุณภาพเป็นที่ยอมรับ จึงได้กำหนดประชากร กลุ่มตัวอย่าง ตัวแปร เครื่องมือในการวิจัย วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และการสร้างสรรค์ข้อมูล อภิปราย และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ขั้นที่ 1 การศึกษาปัญหา พบว่า มะคำป่า เป็นต้นไม้ที่ไม่มีผู้ทราบข้อมูลที่ชัดเจน
ขั้นที่ 2 ขั้นเตรียมการออกแบบการแสดงพื้นบ้านอีสานสร้างสรรค์ ฟ้อนออนซอนมะคำป่ากุสุมาสะดืออีสาน ได้สำรวจแหล่งข้อมูล 3 แหล่ง คือ บุคลากรในท้องถิ่น (Primary – data) ได้แก่ ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา และที่มาของดอกมะคำป่า สถานที่อันเป็นศูนย์รวมเอกสารประกอบการค้นคว้า (Secondary – data) จากสำนักวิทยบริการต่างๆ และสื่ออินเตอร์เน็ต (Internet communication) พอที่จะสร้างสรรค์ได้โดยยึดโครงสร้างองค์ประกอบบางส่วนของการแสดงพื้นบ้านอีสาน ส่วนที่แตกต่างหรือสร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งประกอบด้วยที่มาหรือเนื้อหาของการแสดง
ขั้นที่ 3 ขั้นประกอบการสร้าง การแสดงพื้นบ้านอีสานสร้างสรรค์ ฟ้อนออนซอนมะคำป่ากุสุมาสะดืออีสาน นำผลการวิเคราะห์ปัญหาเบื้องต้นนำมาพัฒนาปรับปรุงแก้ไขใหม่แล้วนำไปถ่ายภาพวีดีทัศน์ลงในแถบ (เทป CD หรือ DVD) และการสร้างแบบสอบถามเพื่อประเมินผล และนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญชมและประเมินผลด้านความคิดสร้างสรรค์
ขั้นที่ 4 ขั้นประชาพิจารณ์ ได้สร้างแบบสำรวจความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง โดยจะประเมินด้านความคิดสร้างสรรค์ นำผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญมาตีค่าผลงานปรับปรุง เรียบเรียง รายงานผลการวิจัยเป็นแบบ พรรณนาวิเคราะห์ (Descriptive analysis)
องค์ความรู้/ผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการ
ได้ชุดการแสดงที่เป็นอัตลักษ์ ประจำอำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
1. ได้ศึกษาข้อมูลประวัติความเป็นมาของอำเภอโกสุมพิสัย
2. ได้เก็บบันทึกภาพการแสดงด้วยวีดีทัศน์และภาพนิ่ง
3. ได้ตรวจสอบท่ารำจากครูสอนนาฏศิลป์ในเขตเทศบาลอำเภอโกสุมพิสัย
4. สร้างสรรค์ผลงานเพื่อแสดงเผยแพร่แก่สายตาประชาชน
การนำไปสู่การไปใช้ประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมาย
ได้นำไปเป็นสื่อการเรียนการสอน ที่โรงเรียนโกสุมวิทยาสรรค์
แนวปฏิบัติที่ดีของผลงาน
เป็นการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมด้านการแสดงนาฏศิลป์พิ้นบ้านอีสาน ให้มีเอกลักษณ์ ประจำอำเภอโกสุมพิสัย และสืบสานต่อไป